ปลัดกีฬา ลุยงานจัด อชก. เจอโจทย์ใหญ่ใช้เงินมหาศาล

EyWwB5WU57MYnKOuXuVwTl7syCUSIlnhLvHKSR4MHeZaRkZDGBg3fz

อารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงกีฬา เดินหน้าศึกษาความเป็นไปได้ในการเสนอตัวจัดกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ปี พ.ศ.2565 อย่างจริงจัง ตั้งโจทย์พิจารณาถึงความคุ้มค่าในการลงทุน และต้องหาสถานที่ที่เหมาะสมในการสร้างสนามและหมู่บ้านนักกีฬาให้ได้ก่อน จากนั้นจึงจะได้คำตอบว่าไทยพร้อมหรือไม่ เพียงใด ในการเสนอตัวครั้งนี้ ส่วนตัวมองว่าไม่ควรเป็นเรื่องของรัฐบาลอย่างเดียว จำเป็นต้องดึงภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมให้มากที่สุด

นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการสัมมนาเพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างภาคีเครือข่ายและเผยแพร่ ผลการศึกษาเรื่อง “การศึกษาขีดความสามารถของไทยเพื่อส่งเสริมให้เป็นศูนย์กลางการกีฬาของภูมิภาคอาเซียน” ที่โรงแรมเดอะ ทวิน ทาวเวอร์ เมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา

ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ทำการประเมินศักยภาพของสนามกีฬาในประเทศที่มีเพื่อยกระดับให้เป็นศูนย์กลางด้านกีฬาของภูมิภาคอาเซียน เพราะตอนนี้สิงคโปร์และมาเลเซีย มีสนามกีฬาที่ได้มาตรฐานระดับโลกไปแล้ว แต่ไทยก็มีสนามกีฬามากมายที่จะพัฒนาไปสู่จุดนั้นได้ โดยบูรณาการร่วมกันระหว่างสนามที่มีอยู่แล้วในการดูแลของการกีฬาแห่งประเทศไทย สถาบันการพลศึกษา กรมพลศึกษา ไม่ใช่แค่การพัฒนานักกีฬาในประเทศเท่านั้น แต่เป็นศูนย์กลางของอาเซียน เพื่อช่วยดึงศักยภาพนักกีฬาไทยจากการมาฝึกซ้อมต่างชาติด้วย ภายใต้งบประมาณที่กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติได้รับในแต่ละปี

จากนั้น ดร.สุพิตร สมาหิโต รองประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ ในฐานะหัวหน้าคณะวิจัย กล่าวว่า จากการสำรวจไปทั่วประเทศ ได้ข้อสรุปว่าไทยมีความพร้อมอย่างน้อย 15 ศูนย์ ได้แก่ ศูนย์ฝึกกีฬา (ตะกร้อ, วอลเลย์บอล, มวยปล้ำ, ยกน้ำหนัก, มวยไทย), ศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา, ศูนย์เวชศาสตร์การกีฬา, ศูนย์การเป็นเจ้าภาพกีฬา, ศูนย์อุตสาหกรรมกีฬา, ศูนย์กีฬาเพื่อการท่องเที่ยว, ศูนย์กีฬาทางน้ำ, ศูนย์การบริหารจัดการกีฬา, ศูนย์ตรวจสารต้องห้าม, ศูนย์ฝึกสมรรถภาพ, ศูนย์ออกกำลังกาย, ศูนย์ฝึกภายใต้สภาวะความกดดันอากาศสูง, ศูนย์กีฬาสตรี, ศูนย์ฝึกกีฬาคนพิการ และศูนย์กีฬาเพื่อความบันเทิง ทั้งนี้ควรดำเนินการจัดทำไปทีละศูนย์ ไม่จำเป็นต้องทำครั้งเดียว ซึ่งหากจัดทำทุกศูนย์ให้เสร็จเรียบร้อย ไทยก็จะมีความพร้อมครบทุกด้าน

หลังการประชุม นายอารีพงศ์ ที่ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้มอบหมายให้เป็นประธานศึกษาความเป็นไปได้ในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ปี พ.ศ.2565 กล่าวว่า ในเรื่องนี้ ต้องพิจารณาถึงความคุ้มค่าที่ไทยจะได้รับต่อการลงทุนในครั้งนี้ รวมทั้งหาสถานที่ในการสร้างสนามแข่งขันและหมู่บ้านนักกีฬา ให้ได้ก่อน จากนั้นจึงจะได้คำตอบว่าไทยพร้อมหรือไม่ เพียงใด ในการเสนอตัวครั้งนี้ โดยในการเสนอตัวไทยเราจะมีเวลาในการเตรียมพร้อม 7 ปีก่อนการแข่งขัน ทั้งนี้ส่วนตัวมองว่าไม่ควรเป็นเรื่องของรัฐบาลเท่านั้น แต่จะต้องดึงภาคเอกชนเข้ามาร่วมในการเสนอตัวและจัดแข่งขันให้มากที่สุด

Credit : http://www.thairath.co.th/

About admin

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *