เรือไร้คนขับ $25 ล้าน เริ่มใช้ปี 2018

เรือไร้คนขับ $25 ล้าน เริ่มใช้ปี 2018
พลังงานไฟฟ้า ไม่ต้องมีลูกเรือ ไม่ใช้น้ำมัน
ลดค่าใช้จ่ายมากถึง 90%
จุดเปลี่ยนที่ยิ่งใหญ่อุตสาหกรรมเดินเรือโลก
เดินเรือแบบออโตโนมัสเต็มรูปแบบ ปี 2020


.
เรือที่ไร้ลูกเรือ ยาร่าเบอร์คแลนด์ มีแผนส่งลงแล่นเรือในปี 2018 เริ่มต้นขนส่งปุ๋ยบนเส้นทางยาว 37 ไมล์ทางตอนใต้ของประเทศนอร์เวย์
.
เรือลำนี้ใช้พลังงานไฟฟ้าที่สร้างตามมาตรฐานสมัยใหม่ สามารถบรรทุกได้ 100-150 ตู้คอนเทนเนอร์ แต่การมาถึงของเรือไร้คนขับ ไร้ลูกเรือ และใช้พลังงานไฟฟ้าครั้งนี้ อาจเป็นจุดเปลี่ยนที่ยิ่งใหญ่สำหรับอุตสาหกรรมเดินเรือทั่วโลก
.
ตามรายงานของวอลล์สตรีตเจอร์เนอร์ เรือลำนี้มีมูลค่ามากถึง $25 ล้าน คิดเป็นเงินไทยประมาณ 850 ล้านบาท ราคานี้แพงกว่าเรือขนาดเล็กแบบเก่าที่เคยใช้กันอยู่ประมาณ 3 เท่าตัว แต่สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายที่เป็นต้นทุนในการดำเนินงานในแต่ละปีมากถึง 90% เพราะไม่ต้องใช้น้ำมันและลูกเรือ
.
ตามแผนการจะเปิดตัวในปีหน้า แต่จะเริ่มปรับเปลี่ยนทีละขั้น เริ่มแรกจะมีการควบโดยลูกเรือที่อยู่บนเรือ หลังจากนั้นก็เป็นการควบคุมด้วยระบบรีโมท ก่อนที่จะกลายเป็นการเดินเรือแบบไร้ลูกเรือเต็มรูปแบบในปี 2020 เมื่อถึงตอนนั้นก็คงเป็นช่วงเวลาที่มีข้อกำหนดเป็นกฎระเบียบเกี่ยวกับการเดินเรือแบบออโตโนมัสจากภาครัฐแล้ว
.
เรือ ยาร่าเบอร์คแลนด์ ได้รับการพัฒนาโดยบริษัททางด้านการเกษตรชื่อว่า ยาร่า อินเตอร์เนชั่นแนล และมี คองส์เบอร์ค เป็นผู้วางระบบให้
.
ผู้บริหารของ ยาร่า ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า เมื่อมีกฎหมายที่เป็นกฎระเบียบและข้อบังคับต่างๆออกมาแล้ว ทางบริษัทมีแผนจะสร้างเรือที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งสามารถแล่นในเส้นทางที่มีระยะไกลขึ้น ถ้าตัวเลขของต้นทุนที่ประหยัดลงสามารถบรรลุตามเป้าหมายได้ นี่อาจเป็นแนวทางใหม่สำหรับอุตสาหกรรมการเดินเรือทั่วโลกซึ่งปัจจุบันอยู่ในสภาพย่ำแย่ ที่แม้แต่บริษัทใหญ่หลายแห่งก็เสี่ยงต่อการล้มละลาย
.
ถ้าพิจารณาในแง่ผลกระทบต่อจำนวนงาน เรือไร้คนขับที่เดินเรือได้เองแบบออโตโนมัสอาจมีผลกระทบน้อยกว่าเมื่อเทียบกับรถบรรทุกที่ขับเคลื่อนได้เอง
.
นขณะที่รถบรรทุกไร้คนขับอาจทำให้คนนับร้อยนับพันไม่มีงานในอเมริกา แต่จำนวนลูกเรือที่ใช้ในอุตสาหกรรมเดินเรือก็เริ่มลดต่ำลงมาหลายทศวรรษแล้ว ทุกวันนี้เรือบรรทุกสินค้าแต่ละลำที่บรรทุกมากกว่า 10,000 คอนเทนเนอร์ ก็มีลูกเรือเพียงแค่ 30 หรือน้อยกว่าอยู่แล้ว
.
อ่านข่าวนี้แล้ว ทำให้คิดถึงการแสดงความคิดเห็นของนักธุรกิจในอุตสาหกรรมน้ำมันรายใหญ่ของโลกในงานของ World Economic Forum เมื่อต้นปี 2017 ซึ่งมีการแสดงความคิดเห็นว่า แม้รถยนต์ไฟฟ้าจะมีแนวโน้มผู้ใช้มากขึ้น แต่สัดส่วนการใช้น้ำมันที่อาจหายไปยังมีอยู่ต่ำมาก พวกเขายังมั่นใจว่า รถบรรทุก เรือ เครื่องบิน ยังคงต้องใช้น้ำมันกันต่อไปอีกนาน ไม่น่าจะมีผลกระทบที่รุนแรงกับอุตสาหกรรมน้ำมัน อาจเป็นเพียงแค่เติบโตลดลงเท่านั้น
.
ในฐานะที่ได้ติดตามข่าวด้านการขนส่งอย่างต่อเนื่อง ผมคิดว่าสิ่งที่พ่อค้าน้ำมันซาอุฯพูดให้ฟัง ดูจะมองโลกในแง่ดีเกินไป หรือลึกๆแล้วก็กังวลอยู่เหมือนกัน แต่อาจไม่ต้องการแสดงความคิดที่จะทำให้ผู้ใช้น้ำมันหรือนักลงทุนตื่นกลัวกันมากเกินไป…….
.
https://www.youtube.com/watch?v=7wvln5Ce_Sk
.
https://venturebeat.com/…/a-25-million-autonomous-ship-wi…/…

 

Cre…  Suttichai Taksanun

About admin

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *