โลกในอีก 30ปี ข้างหน้า จะหน้าตาเป็นอย่างไร?

โลกในปี 2030 จะหน้าตาเป็นอย่างไร?

ประเทศเยอรมันห้ามขายรถที่ใช้น้ำมันในปี 2030
อินเดียจะกลายเป็นประเทศที่มีคนมากสุดในโลก ไม่ใช่จีน

จีนจะมีประชากรพีคที่ 1,450 ล้านคน และที่น่าสนใจคือหลังจากนั้นประชากรจีนจะลดลง คล้ายประเทศญี่ปุ่นตอนนี้..

ก่อนหน้านี้ ใครจะไปคิดว่าจีนจะมีประชากรน้อยลงได้..

เลือดเทียมจะถูกสังเคราะห์ได้จาก stem cells การบริจาคเลือดอาจจะไม่จำเป็นอีกต่อไป

ต้นทุนของแผง solar cell จะลงต่ำลงเหลือ 0.5 เหรียญ ต่อวัตต์

รถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจะขายได้ 13,166,667 ทั่วโลก

รถที่บินได้จะเริ่มออกจำหน่ายเป็นครั้งแรก

ประชากรโลกจะมีทั้งหมด 8,500 ล้านคน ในปี 2030

เครื่องพิมพ์ 3 มิติจะสร้างอวัยวะเทียมได้อย่างสมบูรณ์ คนป่วยไม่ต้องรอการบริจาคอวัยวะจากคนอื่น

มนุษย์กำลังเตรียมโครงการส่งคนไปเหยียบดาวอังคารในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าถ้านับจากปี 2030

——————-

โลกในปี 2040..

ประชากรบนโลกนี้จะมีทั้งหมด 9,200 ล้านคน

อินเดียจะกลายเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่กว่าสหรัฐอเมริกา

Device ที่ต่ออินเตอร์เน็ตบนโลกนี้จะมี 1.7 แสนล้านเครื่อง หรือ Device 19 เครื่องต่อคน

Device ในยุคนั้นไม่จำเป็นต้องเป็น โทรศัพท์มือถืออย่างเดียว แต่เป็น นาฬิกา แว่นตา คอนแทคเลนส์ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกอย่าง

พื้นที่บางส่วนในตะวันออกกลาง และ แอฟริกา จะมีสภาพอากาศที่รุนแรงและกลายเป็นที่ที่มนุษย์อยู่อาศัยไม่ได้..

การอพยพของประชากรโลกจะเกิดขึ้นในบางพื้นที่ เพราะปัญหา climate change รุนแรงขึ้น

การผลิตไฟฟ้าจากเทคโนโลยี nuclear fusion (ปฏิกิริยาที่เกิดบนดวงอาทิตย์) จะเริ่มเข้าสู่การขายไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์

เทคโนโลยี Quantum Computing จะทำให้ ชิพ คอมพิวเตอร์ ประมวลผลได้เร็วกว่าเดิมอีกหลายเท่า

การถ่ายทอดสัญญาณทางทีวีได้สูญพันธุ์ไป เพราะ Video-on-demand และ สื่อออนไลน์เข้ามาแทนที่

SpaceX จะส่งคนไปดาวอังคารครั้งที่ 2 ได้สำเร็จ

การทดลอง upload ข้อมูลในสมองมนุษย์เข้าสู่หุ่นยนต์จะสำเร็จเป็นครั้งแรก

——————-

โลกในปี 2050..

ตอนนั้นมนุษย์จะสามารถตัดต่อพันธุกรรมของเด็กที่จะเกิดได้แล้ว (แต่ยังมีราคาสูงอยู่)

หุ่นยนต์ AI จะเริ่มมีอารมณ์ และเหมือนมนุษย์มากจนเริ่มแยกไม่ออก

มนุษย์สามารถติดต่อระหว่างกันได้โดยใช้แค่ความคิด ความคิดจะแปรสัญญาณไป device ชนิดหนึ่ง และส่งต่อหา device ของอีกคนหนึ่งแล้วเข้าสมองโดยตรง (ไม่ต้องพูด ไม่ต้องพิมพ์ หรือแสดงท่าทางใดๆ)

พูดง่ายๆตอนนั้นมนุษย์ใช้โทรจิตได้แล้ว..

วัคซีนเดียวที่สามารถป้องกันโรคมะเร็งได้ทั้งหมดเริ่มออกขายเป็นครั้งแรก

โลกในปี 2050 มีประชากรทั้งหมดแตะหลัก 10,000 ล้านคน

แต่ 5 พันล้านคนบนโลกในตอนนั้นจะอาศัยอยู่ในที่ที่ขาดแคลนน้ำ

อุณหภูมิโลกโดยเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้น จนทำให้ Polar bear หรือหมีขั้วโลกถูกประกาศว่าเป็นสัตว์ที่สูญพันธุ์แล้ว

คนพิการบนโลกจะไม่มีอีกต่อไป เพราะจะนำแขนขาของหุ่นยนต์มาเชื่อมกับอวัยวะคนได้สำเร็จ

Device ที่ต่ออินเตอร์เน็ตบนโลกนี้จะมี 2.4 แสนล้านเครื่อง หรือ 24 เครื่องต่อคน

ปี 2050 รถที่ขายใน อังกฤษ เยอรมัน อินเดีย ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ จะเป็นรถที่ใช้ไฟฟ้าทั้งหมด

การถ่ายรูปดาวที่อยู่ห่างไกล จะสามารถซูมได้จนเห็นถึงว่าดาวนั้นมีอะไรอยู่บ้าง ไม่ต่างจากการถ่ายรูปโลกจากดาวเทียม

การเดินทางไปดวงจันทร์จะเริ่มให้บริการเป็นการท่องเที่ยวแก่คนทั่วไป

ปี 2050 มนุษย์จะเริ่มมีสิ่งก่อสร้างบนดาวอังคารแล้ว

และในปี 2050 คนทั่วไปจะสามารถ upload ความทรงจำของเราเข้าคอมพิวเตอร์ และเก็บไว้เป็นไฟล์ดิจิตอลได้..

——————-

“สมองของมนุษย์มี 1 แสนล้าน นิวรอน (เซลล์ประสาท) และแต่ละนิวรอน จะเชื่อมต่ออีก 10,000 นิวรอน (คล้ายใยแมงมุม) สมองมนุษย์ที่วางอยู่บนหัวของเรา ที่ดูเหมือนไม่มีอะไร เป็นวัตถุที่ซับซ้อนที่สุดเท่าที่ค้นพบมาในจักรวาล”

โดย Michio Kaku

ใช้วิจารณญาณในการอ่าน ทุกอย่างเป็นการคาดการณ์ เรื่องจริงอาจไม่เป็นเหมือนในบทความนี้ ไว้อีก 13 23 33 ปีข้างหน้ามาเปิดบทความนี้อ่านกัน.. ถ้าเฟซบุ๊คยังอยู่นะ
ที่มา: ScienceNaturePage

About admin

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *